5 ต้องรู้ 3 ต้องทำ เตรียมความพร้อมก่อนทำประกันทุกประเภท
วันนี้ โค้ซวินอินชัวร์ นำวิธีการเช็กลิสต์ 5 ต้องรู้ 3 ต้องทำ เตรียมความพร้อมก่อนการทำประกันทุกประเภทแบบง่าย ๆ มาฝากกันนะครับ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามพร้มกันเลย
5 ต้องรู้
1. ต้องรู้วัตถุประสงค์ของการทำประกันภัย
วัตถุประสงค์ของการทำประกันภัยคือ เพื่อบริหารความเสี่ยงทางการเงิน โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด จากสิ่งเหล่านี้ อุบัติเหตุ เจ็บป่วยกลัวจะไม่มีเงินรักษา จากใปก่อนวัยอันควรทิ้งภาระให้คนข้างหลัง ภาระหนี้สินเกิดอะไรขึ้นใครจะรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของบุตรหลาน การสร้างทรัพย์สินมรดกให้กับครอบครัว หรือแม้แต่การจะเกษียณอย่างเกษมได้อย่างไร อะไรคือวัตถุประสงค์ที่สำคัญ เลือกทำประกันสิ่งนั้นก่อน หากเกิดอะไรขึ้นจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างความมั่นคง มั่นใจ สร้างหลักประกันให้กับผู้เอาประกันภัยและครอบครัว
2. ต้องรู้ความจำเป็นหรือวงเงินที่ต้องการทำประกันภัยประกันชีวิต : ควรเลือกวงเงินคุ้มครองที่เพียงพอต่อค่าครองชีพของครอบครัว
ประกันสุขภาพ : ควรเลือกวงเงินที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลที่ต้องการใช้บริการ ต้องเพียงพอ
และพร้อมใช้ได้อย่างทันท่วงที่เมื่อเกิดเหตุเจ็บป่วย
ประกันเพื่อการวางแผนทุนการศึกษา : ควรเลือกทุนประกันที่สอดคล้องกับ ระยะเวลาที่บุตรหลานจะเรียนจบตามระดับการศึกษาที่กำหนดไว้
ประกันรถยนต์ : ควรเลือกวงเงินที่ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถและบุคคลภายนอก
ประกันทรัพย์สิน : เช่น บ้านหรือสถานประกอบการธุรกิจ ควรเลือกวงเงินที่สามารถชดเชยความเสียหายได้อย่างครอบคลุมมูลค่าทรัพย์สิน
ประกันคุ้มครองสินเชื่อ : เช่น วงเงินสินเชื่อ ควรเลือกวงเงินที่สามารถครอบคลุมภาระหนี้สินได้อย่างเพียงพอ ไม่เป็นภาระต่อครอบครัวหากเกิดการณ์ไม่คาดฝันอะไรขึ้น
3. ต้องรู้ขอบข่ายของการทำประกันภัย
ประเภทของความคุ้มครอง : เช่น คุ้มครองชีวิต อุบัติเหตุ สุขภาพ ทรัพย์สิน หรือความรับผิดทางกฎหมาย
เงื่อนไขและข้อยกเว้น : เช่น ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน หรือไม่คุ้มครองความเสียหายจากเจตนา
ระยะเวลาคุ้มครอง : เช่น รายปี ตลอดชีพ หรือคุ้มครองตามสัญญาที่กำหนด
สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม : เช่น เงินคืนเมื่อครบกำหนด หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
ค่าเบี้ยประกัน : ต้องเหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายและความคุ้มครองที่ได้รับ
4. ต้องรู้ระยะเวลาที่ต้องการให้ความคุ้มครอง
ประกันชีวิต : อาจมีแบบคุ้มครองตลอดชีพหรือคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 10,20 หรือ 30 ปี)
หรือ ตามแบบประกันที่กำหนด
ประกันสุขภาพ : ส่วนใหญ่มักมีการต่ออายุรายปี และบางประเภทอาจคุ้มครองจนถึงอายุที่กำหนด เช่น 60
หรือ 80 ปี อาจปรับเบี้ยเพิ่มตามเกณฑ์อายุ หรือ ตามแบบประกันที่กำหนด
ประกันรถยนต์ : มักให้ความคุ้มครองเป็นรายปี โดยต้องต่ออายุทุกปีเพื่อคงสิทธิ์ความคุ้มครอง
ประกันอุบัติเหตุ : อาจมีแบบรายปีหรือคุ้มครองตลอดอายุสัญญา
ประกันทรัพย์สิน : เช่น ประกันบ้านหรือสถานประกอบการธุรกิจ อาจคุ้มครองตามระยะเวลาที่ตกลงกันเช่น
1 ปี หรือหลายปีต่อเนื่อง หรือ เลือกระบุระยะเวลาคุ้มครอง
5. ต้องรู้แบบการทำประกันที่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้
คุ้มครองชีวิตและสร้างหลักประกันให้ครอบครัว ควรเลือก ประกันชีวิตแบบตลอดชีพหรือแบบชั่วระยะเวลา
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ควรเลือก ประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ ควรเลือก ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA)
คุ้มครองทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือสถานประกอบการธุรกิจ ควรเลือกประกันภัยทรัพย์สินที่คุ้มครองความเสียหายจาก
ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติ
คุ้มครองความเสี่ยงจากการขับขี่รถยนต์ ควรเลือก ประกันรถยนต์ เช่นประกันชั้น 1, 2+ หรือ 3+ ตามความเหมาะ
สม และทำพรบ.ภาคบังคับตามกฎหมายกำหนด
ออมเงินหรือวางแผนเกษียณ ควรเลือก ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือบำนาญ ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว
คุ้มครองภาระหนี้สิน เช่น สินเชื่อ บ้าน,รถยนต์,ธุรกิจ,การเกษตร,สหกรณ์ควรเลือก ประกันภัยคุ้มครองวงเงิน
สินเชื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาและภาระหนี้สิน
3 ต้องทำ
1. ขอดูใบอนุญาตตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย พร้อมวันหมดอายุของบัตร
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เสนอขายประกันมีคุณสมบัติและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับ
และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ใบอนุญาตต้องเป็นของแท้และยังไม่หมดอายุสามารถตรวจสอบ
เลขที่ใบอนุญาตผ่านเว็บไซต์ของ คปภ. เพื่อความมั่นใจได้ที่ (https://smart.oic.or.th/eservice/Home)
2. ขอหลักฐานการรับเงินทุกครั้ง
ต้องขอใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง สำเนาการโอนเงินหรือสลิปธนาคาร ใบรับเงินชั่วคราว ตรวจสอบรายละเอียดในหลักฐาน
เช่น ชื่อผู้เอาประกัน เลขที่กรมธรรม์ และจำนวนเงินให้ถูกต้องทุกครั้ง เพื่อป้องเป็นหลักฐานยืนยันในกรณีมีข้อโต้แย้งภายหลัง
3. ขอให้โอนเข้าบัญชีของบริษัทประกันภัย (หากชำระด้วยการโอนเงิน) โดยตรงเท่านั้น
ตรวจสอบชื่อบัญชีปลายทางให้ตรงกับ ชื่อบริษัทประกันภัย หลีกเลี่ยงการโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของตัวแทนหรือนายหน้า
การโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทโดยตรงช่วยให้มั่นใจว่าเงินถึงบริษัทและกรมธรรม์มีผลคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้เพื่อป้องกัน
การฉ้อโกงหรือสูญหายของเงิน
5 ต้องรู้ 3 ต้องทำ จะนำไปสู่การทำประกันอย่างปลอดภัยไร้กังวลให้กับผู้เอาประกันภัยทุกท่านนะครับ อย่าลืมติดตาม
โค้ซวินอินชัวร์ ในครั้งหน้านะครับว่าจะมีอะไรมาฝากทุกท่านกันหรือจะคอมเมนต์มาว่าท่านอยากจะรู้เรื่องอะไร ? ก็จะได้
จัดให้ถูกใจในเรื่องที่อยากรู้กันเลยนะครับ